วันพุธที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2554
บทที่ 16 ก่อนผ่าตัด
ผมไปนอนรพ.ในห้องพิเศษที่ค่อนข้างจะดีห้องหนึ่งใน รพ.สวนดอกเพื่อผ่าตัด การผ่าตัดครั้งนี้นับว่าเต็มไปด้วยปัญหาและความกังวล นอกจากที่กลัวว่าก้อนนั้นจะเป็นมะเร็งแล้ว สภาพร่างกายของผมตอนนั้นไม่พร้อม เนื่องจากผมต้องกินยาสเตียรอยด์ดังนั้นการที่เข้ารับการผ่าตัดใหญ่นั้นอาจจะมีปัญหาช็อคได้เนื่องจากการกินยาสเตีรย์รอยนานๆจะทำให้ต่อมหมวกไตที่ปกติจะทำหน้าที่ในการสร้างฮอร์โมนสเตียรอยด์เหี่ยว เมื่อร่างกายเจอภาวะตึงเครียดบางอย่าง เช่น เจ็บป่วยหนักๆ หรือผ่าตัด ร่างกายเราจะต้องการฮอร์โมนสเตียรอยด์มากขึ้นแต่เมื่อต่อมหมวกไตอยู่ในภาวะเหี่ยวก็จะสร้างสารสเตียรอยด์ไม่เพียงพอ ร่างกายเราจะช็อค ดังนั้นผมต้องใด้รับยาสเตียรอยด์ขนาดสูงก่อนผ่าตัด อีกเรื่องที่เป็นปัญหาในการผ่าตัดคือการหายใจของผมขณะนั้นยังไม่ดีพอจากอาการของโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง ดังนั้นหลังผ่าตัดผมอาจจะต้องใส่ท่อช่อยหายใจนอน ICU ก็เป็นไปได้ คิดแล้วกลุ้ม
ผมมานอนรพ. ก่อนผ่าตัด 2 วัน สิ่งที่ทำให้ผมกังวลอีก 1 เรื่องคิด ความดันโลหิตของผมสูงตลอดเวลา แต่ตอนนั้นผมยังหลอกตัวเองอยู่ว่าอาจจะเป็นเพราะเครียด กังวล
ช่วงก่อนผ่าตัด มีทั้ง อาจารย์หมอ แพทย์ประจำบ้าน และนักศึกษาแพทย์ มาหาผมตลอด บางคนก็คุยดีทำให้เราสบายใจ แต่ก็มีบางคนมาพูดวิเคราะว่าเราน่าจะเป็นมะเร็ง ทำให้ผมใจเสีย
โรคที่ผมเป็นได้รับการวิภาควิจารณ์กันไปต่างๆนาๆเพราะไม่มีใครเคยเจอโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงและมีผมร่วงกับแผลในปากร่วมกัน ตอนนั้นสิ่งที่หมอหลายๆคนเป็นห่วงคืออาการหายใจของผมที่ยังไม่ค่อยดีนัก ทุกคนกลัวว่าผมจะหายใจเองไม่ได้หลังจากออกจากห้องผ่าตักด
หนึ่งวันก่อนผ่าตัด ผมจำเป็นได้รับการล้างลำไส้ เนื่องจากว่าภาพจากฟิมล์ x-ray นั้นดูไม่ชัดว่าก้อนนั้นติดกับลำไส้หรือเปล่า ดังนั้นอาจจะต้องมีการผ่าตัดลำไส้ ผมต้องกินยาถ่ายอย่างแรง บวกกับกินแต่น้ำข้าว สรุปคือเพลียซิ คืนก่อนผ่าตัด ถ่ายตลอดเวลา นอกจากนั้นตอนเช้ายังเอายาสวนอุจจาระมาสวนอีก แล้วผมจะไหวไหมนี่
วันผ่าตัด เป็นวันหนึ่งที่ผมต้องจำไปตลอดชีวิต บอกไม่ถูกเลยว่ารู้สึกอย่างไรเครียด ตื่นเต้น กลัว คืนก่อนนอนนอนหลับๆตื่นๆ เช้าขึ้นมาก็มาโดนสวนลำไส้อีก หิวน้ำก็หิว ผมเข้าห้องผ่าตัดตอนสายๆ ช่วงที่นอนไปบนเปลเข็นนั้นผมรู้สึกใจหวิวๆ ไม่รู้ว่าตื่นขึ้นมาจะเป็นอย่างไร จะต้องนอนคาบท่อช่วยหายใจใน ICU หรือเปล่า ตอนนั้นรู้เลยว่ากำลังใจจากครอบครัว สำคัญมากๆ ก่อนเข้าห้องผ่าตัดผมได้ยินน้องชายผมบอกว่า สู้ๆ
ในห้องผ่าตัด ก่อนที่จะดมยาหมอดมยาพยายามที่จะเจาะหลังเพื่อใส่สายให้ยาชา ตอนนั้นรู้สึกเจ็บมาก ผมได้ยินเสียงหมอดมยาสั่งให้ฉีดยาชนิดหนึ่ง ผมมองเห็นยาเดินมาตามสายน้ำเกลือแล้วก็ไม่ได้สติอีกเลย
วันพฤหัสบดีที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554
บทที่ 15 ก้อนในช่องท้อง เพื่อนที่อยู่มานานโดยไม่รู้ตัว
หลังจากที่ดูโดยละเอียดแล้ว พบว่าเป็นก้อนเนื้อขนาดประมาณ 10 เซนติเมตร อยู่ตรงช่องท้องด้านหลังเยื่อบุช่องท้อง (retroperitoneum) ด้านซ้าย เหนือต่อไตซ้ายนิดหน่อย ภายในก้อนมีแคลเซียมเกาะอยู่
ตกลงแล้วจะเป็นอะไรได้บ้าง ตอนนั้นผมมึนไปหมด ในใจคิดถึงโรคไป ร้อยแปดพันเก้า เป็นอะไรได้บ้างน่ะ TB Teratoma Angiolipoma
Paragangligoma Lymphoma Sarcoma ผู้อ่านไม่ต้องสนใจน่ะครับที่ผมอ่านมาเป็นภาษแพทย์ สรุปคือยังไม่รู้ว่าเป็นอะไร แต่ที่พอให้ใจชื่นคือลักษณะของก้อนที่เห็นใน ฟิมล์ x-ray มีขอบเขตชัดเจน ไม่มีลักษณะที่ทะลุทะลวงไปอวัยวะข้างเคียงทำให้ไม่น่าจะเป็นเนื้อร้าย(มะเร็ง) และการที่พบว่ามีแคลเซียมเกาะอยู่ข้างในคิดว่าน่าจะเป็นมานานแล้ว ซึ่งถ้าก้อนเป็นมะเร็งก็คงจะเป็นอะไรไปมากกว่านี้แล้ว แสดงว่าก้อนนี้มันคงอยู่เป็นเพื่อยผมมานานมาก แต่ไม่รู้ตัว
สรุปการผ่าตัดไทมัสต้องยกเลิกไปก่อนโดยปริยาย แล้วต้องมาจัดการก้อนที่ท้อง หลังจากที่ได้ปรึกษากับหมอทางศัลยกรรมแล้ว ก็ตกลงว่าจะต้องผ่าตัด แต่หลังจากที่ดูฟิลม์ x-ray อย่างละเอียดแล้วเห็นว่าก้อนอยู่ในจุดที่อันตรายคืออยู่ใกล้เส้นเลือดแดงใหญ่มากกลัวจะเป็นอันตรายตอนผ่าตัดจึงเห็นว่าควรจะไปผ่าตัดในที่ที่มีความพร้อมมากกว่านี้ ผมเลยเลือกไปผ่าตัดที่เชียงใหม่
ผมได้กลับมาเชียงใหม่อีกครั้งหลังจากที่ไม่ได้กลับมานานหลายเดือน หลังจากที่สอบผ่านก็ไม่ได้มาอีกเลย หลังจากได้กลับไปคุยกับ อ.ทางพยาธิวิทยาถึงวิธีการตรวจชิ้นเนื้อก้อนดังกล่าว ผมเห็นว่ายอมผ่าออกมาครั้งเดียวเลยดีกว่าโดนเจาะเอาเนื้อมากตรวจ เพราะเห็นไว่าไหนๆก็ไหนๆแล้วผ่าเลยดีกว่า
ผมได้มาพบกับอาจารย์ทางศัลยกรรม อาจารย์ทางศัลยกรรมเลยแนะนำให้ผมผ่าตัดทันที
ตอนแรกยอมรับว่ายังทำใจไม่ค่อยได้เลยที่ต้องผ่าตัด ตอนที่เป็นหมอดูแลคนไข้เคยผ่าคนไข้มาเยอะ แต่พอจะโดนผ่าเองยอมรับว่าทำใจยาก แต่ทำไงได้ เฮ้อ
สุดท้ายผมก็นอนโรงพยาบาลทันทีในวันที่ไปตรวจเพื่อรอผ่าตัดในอีก 2 วันถัดมา
วันอังคารที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554
บทที่ 14 ก้อนอะไร
ผมกลับไปสอบเพิ่มเติมและผ่านได้อย่างโล่งใจ ผมได้เป็นพยาธิแพทย์เต็มตัวเสียที่ จะได้รับวุฒิบัติในปีนี้ แต่เพราะความเจ็บป่วยทำให้ผมไม่ดีใจมากเท่าที่ควรจะเป็น เพราะผมต้องกับมารักษาตัว
วันจันทร์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2554
บทที่ 13 Myasthenia gravis
บทที่ 12 การสอบที่ทรมาน (3)
บทที่ 11 การสอบที่ทรมาน (2)
วันเสาร์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2554
บทที่ 10 การสอบที่ทรมาน (1)
บทที่ 9 อาการมาครบสูตร
บทที่ 8 แผลในปากไม่หายง่ายๆ
บทที่ 7 มนุษย์สเตรียรอยด์
ผมต้องกลับมากปรึกษากับอาจารย์แพทย์ทางด้านโรคผิวหนัง อาจารย์ได้แนะนำให้ผมใช้ยาทาชนิดที่ทำมาจากยากดภูมิคุ้มกัน เป็นยาที่ทำมาทาผิวหนังแต่ก็พอจะทาในปากได้บ้าง
"โรคนี้ยารักษามันไม่ค่อยมี ลองเอาแบบนี้ทาไปก่อน" หลังจากที่ผมได้เอายาทาผิวหนังมาทาปากทำให้ผมรู้เลยว่ารสชาดแล้วร้ายเป็นอย่างไร ทั้งรสทั้งกลิ่นมันไม่น่าพิศมัยเลย
ด้วยความที่ผมทนรสและกลิ่นของยาทาผิวหนังไม่ได้ ผมจึงได้ไปอ่านตำราเกี่ยวกับการรักษา lichen planus อย่างจริงจังทำให้ผมคิดว่าจะต้องกลับไปใช้ยาสเตียรอดย์เหมือนเดิม แต่อาจจะลองกินแบบสูตรใหม่ตามตำรา เพราะทนยาทาไม่ไหว อีกอย่างแผลมันก็เริ่มเป็นมากขึ้นอีก ผมได้คุยกับอาจารย์แพทย์ทางผิวหนัง อาจารย์ก็เห็นด้วย โดยการที่ผมต้องเริ่มใช้ยาสเตรียรอยด์ในขนาดสูง (สูงกว่าครั้งแรก) แล้วคงไว้นานหน่อยจนอาการมันหายไปจึงค่อยลดยา
ในระหว่างนั้นเองผมเริ่มรู้สึกว่ามีอาการประหลาดที่เคยเล่าให้ฟังมันกลับมาวนเวียน แต่มีอากรใหม่กว่านั้นคือผมรู้สึกว่าตาจะอักเสบ แรกๆนั้นผมไม่ได้สนใจมากเพราะตาอักเสบจากการแพ้ลมแพ้ฝุ่น มันเป็นโรคประจำตัวของผมมาแต่ไหนแต่ไร แต่คราวนี้เริ่มรู้สึกว่าจะมีเห็นภาพซ้อนด้วยแฮะ เป็นพักๆแล้วหายไป ผมก็ไม่ได้แอะใจอะไรไป
วันหนึ่งไม่นานนัก ขณะที่ผมทำงานอยู่ในภาควิชา อาจารย์แพทย์ทางพยาธิวิทยาท่านหนึ่งก็ทักผม
"อภิชาติ เธอเป็น Alopecia areata ตรงขมับข้างขวา"
" จริงหรอกครับ" ผมรีบเอามือคลำ ก็พบว่าเป็นจริงๆ
"จะเป็นอะไรอีกล่ะนี่ "
ขออธิบายก่อนน่ะครับ คำว่า alopecia ส่วน alopecia areata เป็นลักษณะผมร่วงชนิดหนึ่งคือร่วงเป็นหย่อมๆ ส่วนใหญ่เป็นกลมๆเท่าเหรียญ สาเหตุก็ส่วนมากก็ภูมิเพี้ยนนี่แหละ ที่มาทำลายรากผมจนมันหลุดร่วง ส่วนสาเหตุที่ทำไมจึงเกิดภูมิเพี้ยนก็ไม่รู้ แต่มักจะเจอสัมพันธ์กับโรคภูมิเพี้ยนอื่นๆ ความเครียดก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดผมร่วงเป็นหย่อมๆได้
เอาล่ะซิ ผมเริ่มเซ็งเหมือนมันจะเป็นอะไรมากขึ้นเรื่อยๆ เป็นแบบแปลกๆ จนผมต้องจนปัญญา
" อย่าไปคิดมาก ไปหายามาทาซิ" อาจารย์โรคผิวหนังบอกหลังจากที่ผมไปพบ
"เธออาจจะเครียดเรื่องสอบก็ได้ ผมเลยร่วง"
ว่าแล้วอาจารย์ก็สั่งยาทาให้ผมเป็นยาสเรียรอดย์ชนิดทา
"เอาไปทาซะ"
นี่เรากำลังจะกลายไปเป็นมนุษย์สเตีรยรอยด์แล้วหรือ ผมคิด
วันเสาร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2554
บทที่ 6 เรื่องยังไม่จบง่ายๆ
วันอาทิตย์ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2554
บทที่ 5 โรคภูมิเพี้ยน
วันจันทร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2554
บทที่ 4 อาการแรกที่มาเยือนอย่างเป็นทางการ
วันเสาร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2554
บทที่ 3 ใจหายใจคว่ำ
วันอังคารที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2554
บทที่ 2 ชีวิตแห่งความประมาท
วันอังคารที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2554
บทที่ 1 สัญญาณเตือน
ผมจบแพทย์เมื่อปี 2545 จากมหาวิทยาลัยนเรศวร เป็นรุ่นที่สองของคณะแพทย์ในคณะนั้น หลังจากจบมาได้ไปเป็นแพทย์เพิ่มพูนทักษะที่โรงพยาบาลน่านเป็นเวลา 1 ปี จากนั้นไปทำงานเป็นแพทย์ใช้ทุนที่โรงพยาบาลบ่อเกลือจังหวัดน่าน และโรงพยาบาลน้ำหนาวจังหวัดเพชรบูรณ์ ที่ล่ะ 1 ปีตามลำดับ
วันจันทร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2554
เกริ่นนำ
ผมเขียน blog นี้ขึ้นมาเพื่ออยากจะบันทึกถึงชีวิตของผมที่เป็นถึงหมอ หมอที่มีหน้าที่รักษาคนไข้ แต่สุดท้ายก็ป่วยต้องมาเป็นคนไข้เสียเอง ผมจะหาเวลามาเขียนบ่อยๆตามแต่เวลาและโอกาสจะเอื้ออำนวยครับ อาจจะช้าเร็วบ้างก็ถ้าใครมาอ่านก็ลองติดตามดู แล้วอย่าลืมฝากคอมเมนต์ไว้ด้วยน่ะครับ / หมอพยาธิคนหนึ่ง