วันอังคารที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

บทที่ 2 ชีวิตแห่งความประมาท

หลังจากใช้ทุนครบ 3 ปี ผมได้มาเรียนต่อที่คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยที่ผมไฝ่ฝันอยากจะมาเรียนสมัยอยู่มัฐธยมแต่ entrance ไม่ติด แต่ก็ได้มีโอกาสมาเรียนจนได้ แต่กว่าจะได้มาเรียนเพื่อนๆที่เคยอยู่เชียงใหม่ก็เรียนจบแล้วแยกย้ายกันไปหมดจนแทบจะหาเพื่อนเที่ยวไม่ได้เลย
ช่วงชีวิตที่เชียงใหม่ของผมมีทั้งหลายรสชาติ ช่วงเรียนเป็นแพทย์ประจำบ้านปีที่หนึ่งนั้นแทบจะมีแต่ความน่าเบื่อหน่าย แต่ผมไม่ได้เบื่อการเรียนเพียงแต่เบื่อชีวิตที่เงียบเหงา ก็มาเรียนผิดช่วงเวลาเลยแทบจะไม่มีเพื่อนเลย อีกอย่างการเรียนพยาธิวิทยามันไม่ต้องอยู่เวรนอกเวลา สรุปคือไปเช้ากลับเย็น วันหยุดราชการก็ว่าง ดังนั้นผมก็ได้แต่นั่งๆนอนๆอยู่แต่ในหอพัก แรกๆก็ขับรถไปเที่ยวห้างแต่หลังเริ่มเบื่อเพราะหาเพื่อกินเพื่อนเที่ยวไม่ได้ นานๆทีผมจึงได้มีโอกาสออกไปกินข้างนอกเมื่อมีเพื่อนมาเที่ยวหา อาจจะเป็นเพราะว่านานๆทีจึงจะได้กินดังนั้นเวลาทีผมได้เมาทีไร มักจะเมามาก เมาถึงขนาดว่าเมาไม่รู้สึกตัว ตื่นมาตอนเช้านี่ลืมไปเลยว่าเมากลับมาที่ห้องได้อย่างไร ถ้าเราเมาขนาดที่ตื่นมาตอนเช้าแล้วจำไม่ได้ว่าทำอะไรก็แสดงว่าเมามาก ผมมานั่งนึกตอนนี้แล้วรู้สึกว่าตัวเองนั้นรอดมาได้อย่างไรเพราะเมามากขนาดนั้นแล้วขับรถกลับมาที่ห้องได้โดยไม่มีอุบัติเหตุหรือโดนตำรวจจับนี่ถือว่าบุญมากเลย
ชีวิตผมมันวนๆเวียนๆอยู่กับสิ่งนี่ อาการแปลกๆที่มันเริ่มเตือนผมมันก็ยังมีอยู่เรื่อยๆ ผมจะรู้สึกว่าบางวันผมจะรู้สึกปวดเมื่อยตามร่างกาย เพลีย จนขนาดว่าเลิกจากงานตอนเย็นต้องนอนหลับตลอดจึงจะดีขึ้น บางวันจะรู้สึกว่าตัวเองเหมือนจะมีไข้ต้องกินยาparacetamol แล้วนอน ช่วงหลังๆนี้ผมหารายได้พิเศษรับตรวจคนไข้ตามคลีนิกตอนเย็นๆ วันไหนที่ต้องออกไปคลีนิกผมจะรู้สึกว่าตอนใช้พลังงานอย่างมากในการต่อสู้กับความง่วง ความปวดเมื่อย
อาการเหล่านี้มันเป็นๆหายๆไม่ได้เป็นทุกวัน ถ้าไปถามแพทย์แผนปัจจุบัน ไม่มีใครบอกได้หรอกครับว่าเป็นอะไร มันเป็นลักษณะที่เรียกว่าอ่อนเพลียเรื้อรัง ตอนนั้นผมคิดว่าอาการที่ว่าน่าจะเกิดจากการที่ผมไม่ได้ออกกำลังกาย แต่กว่าผมจะเอาชนะตัวเองเอาตัวเองมาออกกำลังกายได้ก็ตอนผมเป็นแพทย์ประจำบ้านปีที่ 2 แรกๆผมไปวิ่งออกกำลังกาย ตอนนั้นทำให้ผมรู้ว่าการออกกำลังกายมันสดชื่นมาก ทำให้คิดว่าทำไมเราไม่ออกกำลังกายมาตั้งแต่แรก ช่วงหลังผมเริ่มเจ็บเข่าเนื่องจากน้ำหนักตัวมากเลยเปลี่ยนมาใช่วิธีการปั่นจักรยานแทน ส่วนเรื่องการออกไปดื่มกินนั้นตั้งใจไว้ว่าจะลดลงจากเดิม
ถึงแม้ว่าผมจะพยายามออกกำลังกายทุกเย็นที่ว่างแต่อาการอ่อนเพลียเรื้อรังมันก็ไม่ได้หายไป บางทีมีความรู้สึกว่ามันจะเป็นมากขึ้นเรื่อยๆด้วยซ้ำ มันยังมาเป็นช่วงๆทำให้บางวันผมต้องต่อสู้กับอาการนี้ในการที่จะเอาชนะเพื่อไปออกกำลังกาย
ในเมื่อผมออกกำลังกายแล้วอาการอ่อนเพลียยังไม่หาย ผมเลยคิดว่าอย่างลองตรวจร่ายกายทั่วไปดูก่อนเผื่อจะเจอสาเหตุของอาการอ่อนเพลีย ผมเลยเจาะเลือดตรวจ lab ทั่วๆไปแต่ผลเลือดที่ออกมาทำให้ผมตกใจ เพราะผลการตรวจเม็ดเลือดของผมผิดปกติมาก ความเข้มข้นเลือดของผมบ่งบอกว่าผมซีดมาก (Hct 9%) และผมกำลังมีภาวะติดเชื้้ออย่างรุนแรง (WBC มากกว่า 10000 และ neutrophil มากกว่า 90%) ผมตกใจมาก ผมจะเป็นอะไรนี่!!


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น