วันพฤหัสบดีที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

บทที่ 15 ก้อนในช่องท้อง เพื่อนที่อยู่มานานโดยไม่รู้ตัว

"มีก้อนในท้อง ด้านหลัง(retroeritoneum) ขนาดประมาณ 9-10 cm ก้อนอะไรก็ไม่รู้" เพื่อนผมบอก ผมถึงกับทรุด เป็นครั้งแรกที่มีความรู้สึกไม่อยากยอมรับความจริง "จะเป็นอะไรอีกว่ะนี่!"
หลังจากที่ดูโดยละเอียดแล้ว พบว่าเป็นก้อนเนื้อขนาดประมาณ 10 เซนติเมตร อยู่ตรงช่องท้องด้านหลังเยื่อบุช่องท้อง (retroperitoneum) ด้านซ้าย เหนือต่อไตซ้ายนิดหน่อย ภายในก้อนมีแคลเซียมเกาะอยู่
ตกลงแล้วจะเป็นอะไรได้บ้าง ตอนนั้นผมมึนไปหมด ในใจคิดถึงโรคไป ร้อยแปดพันเก้า เป็นอะไรได้บ้างน่ะ TB Teratoma Angiolipoma
Paragangligoma Lymphoma Sarcoma ผู้อ่านไม่ต้องสนใจน่ะครับที่ผมอ่านมาเป็นภาษแพทย์ สรุปคือยังไม่รู้ว่าเป็นอะไร แต่ที่พอให้ใจชื่นคือลักษณะของก้อนที่เห็นใน ฟิมล์ x-ray มีขอบเขตชัดเจน ไม่มีลักษณะที่ทะลุทะลวงไปอวัยวะข้างเคียงทำให้ไม่น่าจะเป็นเนื้อร้าย(มะเร็ง) และการที่พบว่ามีแคลเซียมเกาะอยู่ข้างในคิดว่าน่าจะเป็นมานานแล้ว ซึ่งถ้าก้อนเป็นมะเร็งก็คงจะเป็นอะไรไปมากกว่านี้แล้ว แสดงว่าก้อนนี้มันคงอยู่เป็นเพื่อยผมมานานมาก แต่ไม่รู้ตัว
สรุปการผ่าตัดไทมัสต้องยกเลิกไปก่อนโดยปริยาย แล้วต้องมาจัดการก้อนที่ท้อง หลังจากที่ได้ปรึกษากับหมอทางศัลยกรรมแล้ว ก็ตกลงว่าจะต้องผ่าตัด แต่หลังจากที่ดูฟิลม์ x-ray อย่างละเอียดแล้วเห็นว่าก้อนอยู่ในจุดที่อันตรายคืออยู่ใกล้เส้นเลือดแดงใหญ่มากกลัวจะเป็นอันตรายตอนผ่าตัดจึงเห็นว่าควรจะไปผ่าตัดในที่ที่มีความพร้อมมากกว่านี้ ผมเลยเลือกไปผ่าตัดที่เชียงใหม่
ผมได้กลับมาเชียงใหม่อีกครั้งหลังจากที่ไม่ได้กลับมานานหลายเดือน หลังจากที่สอบผ่านก็ไม่ได้มาอีกเลย หลังจากได้กลับไปคุยกับ อ.ทางพยาธิวิทยาถึงวิธีการตรวจชิ้นเนื้อก้อนดังกล่าว ผมเห็นว่ายอมผ่าออกมาครั้งเดียวเลยดีกว่าโดนเจาะเอาเนื้อมากตรวจ เพราะเห็นไว่าไหนๆก็ไหนๆแล้วผ่าเลยดีกว่า
ผมได้มาพบกับอาจารย์ทางศัลยกรรม อาจารย์ทางศัลยกรรมเลยแนะนำให้ผมผ่าตัดทันที
ตอนแรกยอมรับว่ายังทำใจไม่ค่อยได้เลยที่ต้องผ่าตัด ตอนที่เป็นหมอดูแลคนไข้เคยผ่าคนไข้มาเยอะ แต่พอจะโดนผ่าเองยอมรับว่าทำใจยาก แต่ทำไงได้ เฮ้อ
สุดท้ายผมก็นอนโรงพยาบาลทันทีในวันที่ไปตรวจเพื่อรอผ่าตัดในอีก 2 วันถัดมา

วันอังคารที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

บทที่ 14 ก้อนอะไร


ผมกลับไปสอบเพิ่มเติมและผ่านได้อย่างโล่งใจ ผมได้เป็นพยาธิแพทย์เต็มตัวเสียที่ จะได้รับวุฒิบัติในปีนี้ แต่เพราะความเจ็บป่วยทำให้ผมไม่ดีใจมากเท่าที่ควรจะเป็น เพราะผมต้องกับมารักษาตัว
ตอนนั้นอาการของผมเรียกได้ว่าเจ็บป่วยเต็มที่เพราะนอกจากจะหัวโล้น ที่ทำให้แรกๆหมดความมั่นใจในการออกสังคมมากๆแล้วจะยังเหนื่อยง่าย เดินไกลไม่ได้ และมีแผลเต็มปากกินไม่ได้เลย แม้ว่าจะได้รับยาอย่างเต็มที่แล้วก็ตาม อาการต่างๆมันหายไปอย่างช้ามากๆ ปาเข้าไป 4-5 เดือนที่แผลในปากจะหายไปเกือบ 80% จนผมสามารถกินอาหรเผ็ดๆได้บ้าง ซึ่งครั้งแรกที่ได้กลับมากินข้าวผัดกระเพราะนั้นน้ำตาแทบจะไหลเพราะว่านานมากที่ไม่ได้กิน
การรักษาโรค MG นั้นนอกจากการได้รับยาแล้วอีกอย่างคือการผ่าตัด อย่างที่ผมได้เคยเล่าให้ฟังว่าโรค MG นั้นสัญนิษฐานว่าเกิดจากความผิดปกติของต่อมไทมัส ดังนั้นการรักษาอีกอย่างคือต้องผ่าตัดต่อมไทมัสออกถึงแม้ว่าจะมีก้อนที่ไทมัสหรือไม่ การผ่าตัดเรียกเป็นศัพท์ทางการแพทย์ว่า thymectomy
ตอนนั้นถ้าพูดเรื่องการทำ thymectomy แล้วเป็นเรื่องที่ทำให้ผมหวั่นๆใจอยู่พอสมควร เพราะการผ่าตัดมันต้องผ่าเข้าทางหน้าอกโดยลงมีดทางกระดูกหน้าอกแล้วแหวกออกไปเอาต่อมไทมัสออกแล้วเอาลวดผูก(ตามรูปข้างบน) เย็บปิดแผล ตอนสมัยเป็นนักศึกษาแพทย์เคยเข้าช่วยผ่าตัดหรือเข้าไปดูก็รู้สึกเฉยๆ แต่พอคิดว่าจะต้องเกิดกับตัวเองแล้วรู้สึกน่ากลัวมากๆ ปกติแล้วการผ่าตัดแบบนี้อาจจะต้องใส่ท่อช่วยหายใจหลังผ่าตัด ซึ่งผมคิดแล้วท้อมากๆ ตอนทำงานเป็นแพทย์รักษาคนเคยใส่ท่อช่วยหายใจคนไข้มามาก แต่ตอนนี้ต้องมาโดนใส่เองแล้วตื่นมาก็ต้องนอนคาบท่อช่วยหายใจใน ICU ด้วย แค่คิดก็ท้อ
แต่ก็แค่ท้อครับเพราะสุดท้ายมันก็ถอยไม่ได้ ยังไงก็ต้องผ่า ยิ่งอาจารย์บางท่านแนะนำว่าให้รีบผ่าให้เร็วที่สุดเพราะยิ่งผ่าเร็วอาการก็จะมีโอกาสหายขาดได้มาก แต่ผมคงต้องรอให้อาการดีกว่านี้เสียก่อน
หลังจากรักษาไปได้ประมาณ 3-4 เดือนผมก็ลดยาเสตียรอดย์เพราะยากดภูมิคุ้มกันเริ่มออกฤทธิ์ ทำให้อาการหน้าบวมของผมเริ่มน้อยลง
จนผ่านไปประมาณ 6 เืดอนที่ผมต้องกินยามาตลอดอาการก็ดีขึ้นแบบช้าๆ อาจารย์หมอก็บอกว่าตอนนี้ฤดูหนาว สามารถผ่าตัดได้แล้วเลยแนะนำให้ผมผ่าตัด
หลังจากที่ได้คุยตกลงกับหมอผ่าตัด หาฤกษ์งานยามดีในการผ่าตัดแล้วก็คิดว่าควรจะต้องไปทำ x-ray computer หน้าอกดูก่อนว่ามีก้อนที่ไทมัสหรือเปล่า
วันทำ x-ray computer ผมตื่นเต้นมาก เพราะในใจกลัวจะเจออะไรผิดปกติ จนวัดความดันพบว่าความดันสูงมากๆ สูงถึง 160/120 แต่ก็คิดว่าคงจะเป็นเพราะว่าตื่นเต้น
ผมเพิ่งรู้ความรู้สึกตอนฉีดสีก็ตอนทำตอนทำ x-ray computer นี่แหละตอนที่ฉีดสีจะรู้สึกร้อนไปทั้งตัวตอนนั้นคิดว่าตัวเองแพ้สารที่ใช้ฉีดแต่ผ่านไปซักพักอาการร้อนก็หายไป
หลังจากที่ทำ x-ray computer ผมได้เดินไปหาหมอ x-ray ที่เป็นเพื่อนกันแล้วถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง
เพื่อนผมตอบว่า "หน้าอกปกติดี ไทมัสก็ไม่มีก้อน แต่"
ผมพูดเล่นๆว่า "มีก้อนที่อื่นใช่ไหม"
เพื่อนผมยิ้มแห้งๆ "ใช่!"

"อะไรน่ะ!" ผมอุทานด้วยความตกใจ