วันอังคารที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2555

บทที่ 22 ตัดสินใจผ่าตัดอีกครั้ง

กว่าการตรวจเรื่องโรคความดันโลหิตสูงที่ได้กล่าวในบทที่แล้วจะเสร็จก็ใช้เวลาเกือบ 1 ปี เนื่องจากการตรวจเลือดบางชนิดต้องส่งเข้าไปตรวจที่ กทม. และต้องรอคิวด้วย จึงใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการรอคอย
ถึงเวลานี้ก็ผ่านไปเกือบ 1 ปีหลังจากที่ผ่าตัดท้อง อาการต่างๆของผมก็ดีขึ้น แต่ก็ยังไม่หาย แผลในปากก็หายไปเกือบหมด เหลืออยู่นิดหน่อยเอาไว้เตือนความทรงจำ ผมยังไม่ขึ้นโล้นยังไงก็โล้นอย่างนั้น อาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงไม่มีแล้วยังเหลือแต่อาการเหนื่อยเพลีย ตอนนี้ผมหยุดยาสเตียรอยด์ไปแล้วเนื่องจากเปลี่ยนไปใช้ยากดภูมิคุ้มกันแทน เพื่อป้องกันผลข้างเคียงของยาสเตียรอยด์
หลังจากที่ตรวจเรื่องโรคความดันโลหิตสูงเสร็จ ผมก็ตัดสินใจว่าจะผ่าตัดทัยมัส เนื่องจากคิดว่าอยากจะรักษาทุกอย่างให้ครบถ้วน ถึงแม้ว่าอาจารย์บางท่านเห็นว่าไม่ต้องผ่าทัยมัสแล้วก็ตาม แต่ผมเห็นว่าในเมื่อมาตราฐานการรักษาตามแพทย์แผนปัจจุบันคือการตัดทัยมัส ก็อยากจะทำให้ครบถ้วน
การผ่าตัดครั้งนี้เมื่อเปรียบเทียบกับครั้งที่แล้วแตกต่างกันมาก เนื่องจากครั้งนี้ร่างกายผมแข็งแรงมากกว่าเดิม การหายใจเหนื่อยไม่ค่อยมี แต่แค่พูดว่าเป็นการผ่าตัดหน้าอก ต้องตัดกระดูกเข้าไปแค่ฟังก็น่ากลัวแล้ว ถึงแม้ว่าการผ่าตัดทัยมัสจะไม่ใช่การผ่าตัดที่ใหญ่มากแต่ในเมื่อเป็นการผ่าตัดที่เกี่ยวกับหน้าอก อาจจะต้องใส่ท่อช่วยหายใจหลังผ่าตัด แค่คิดผมก็เครียดแล้วมันคงทรมานหน้าดู เฮ้อ ผมเคยดูคนไข้ใส่ท่อมาหลายคน คราวนี้จะโดนซะเองแล้ว
ใกล้วันจะผ่าตัดผมรู้สึกเครียดมากๆจนเหมือนว่าสติจะแตกเลย เมื่อเทียบกับการผ่าตัดครั้งแรก อาจจะเนื่องจากว่าครั้งนี้เรารู้กำหนดการผ่าตัดล่วงหน้านานมากๆ ยิ่งใกล้วันก็เครียด จนไม่มีสมาธิทำงาน กลัวไปต่างๆนานา ยิ่งคิดถึงอาการเหนื่อยจากการผ่าตัดครั้งที่แล้วก็กลัวจะเหนื่อยอย่างครั้งที่แล้ว คิดแล้วก็เหนื่อย

บทที่ 21 ความดันโลหิตสูง

คำที่ว่า ความวัวยังไม่ทันหาย ความควายก็เข้ามาคงใช้ได้กับผมตอนนี้
หลังจากที่ผ่าตัดท้องเสร็จแล้วอยู่ในช่วงพักฟื้น ผมได้วัดความดันโลหิตตลอด ปรากฎว่าสูงตลอด แม้แต่ตอนพักไม่มีอารมณ์ตื่นเต้นใดๆ
แสดงว่าผมอาจจะมีโรคความดันโลหิตสูงอีกโรค ผมไปพบหมอที่ดูแลผมอยู่ก็ให้ลองดูดวามดันโลหิตอีกประมาณ 1 เดือน
แต่เมื่อครบหนึ่งเดือนแล้วความดันโลหิตก็ยังสูงอยู่ สรุปผมเป็นความดันโลหิตสูงจริงๆ
แต่ปัญหาของผมก็คือผมอายุยังน้อย ซึ่งปกติแล้วโรคความดันโลหิตสูงนั้นมักจะเจอในคนที่มีอายุมากๆ ถ้าอายุน้อยกว่า 35 ปีแล้วมีความดันโลหิตสูงอาจจะมีโรคบางอย่างที่ทำให้มีความดันโลหิตสูงได้ ดังนั้นต้องตรวจเพิ่มเติมเพื่อให้แน่ใจว่ามีโรคบางอย่างที่ทำให้ความดันโลหิตสูงซ่อนอยู่
ผมถูกส่งไปพบแพทย์อายุรกรรมทางระบบต่อมไร้ท่อเพื่อตรวจให้แน่ใจว่าไม่มีโรคอื่นๆแผงอยู่
ซึ่งมีโรคดังนี้ครับ
1.โรคเส้นเลือดใหญ่ที่อยู่ใกล้หัวใจตีบ (กรณีนี้ต้องให้อายุรแพทย์หัวใจเป็นผู้ดู) โรคนี้จำทำให้ความดันสูงได้ ลักษณะสำคัญคือความดันที่ แขน 2 ข้างและขาจะไม่เท่ากัน ซึ่งผมตรวจแล้วปกติ
2.โรคไทรอยด์เป็นพิษ โรคนี้จะมีหัวใจเต้นเร็ว ความดันสูง ผมก็ตรวจเลือดแล้วปกติ
3.โรคเนื้องอกที่ต่อมหมวกไตชั้นนอก (adenocortical adenoma) โรคนี้ตัวเนื้องอกจะมีการสร้างฮอร์โมนบางชนิด เช่น aldosterone จะทำให้มีการดูดซึมเกลือแร่บางอย่างสูงร่างกายมากเกิดภาวะความดันโลหิตสูง โรคนี้ผมต้องไปนอน รพ.เพื่อทำการตรวจสอบ โดยการให้นอนราบกับพื้นโดยไม่หนุนหมอนตลอดเวลา ตั้งแต่ 2 ทุ่มถึง 8 โมงเช้า และตั้งแต่ตี 4 จะให้น้ำเกลือ 2ลิตร ให้หมดในเวลา 8 โมงเช้า แล้วเจาะเลือดตอน 8 โมงเช้า หลังจากนั้นก็ต้องนั่งตลอดห้องนอนจนถึงเที่ยงก็เจาะเลือดอีกรอบ ซึ่งผลเลือดก็ปกติ
4. โรคเนื้องอกที่ต่อมหมวกไตส่วนใน (Pheochromocytoma) เนื้องอกชนิดนี้จะสร้างสารที่มีชื่อว่า catecholamine ทำให้มีภาวะความดันโลหิตสูง การตรวจหาโรคนี้คือเก็บปัสสาวะเป็นเวลา 3 วันเพื่อหาสาร vanilllylmandelic acid(VMA) ซึ่งเป็นสารที่จะออกมาในปัสสาวะซึ่งสร้างมาจากเนื้องอกชนิดนี้ ผมก็ตรวจแล้วปกติ
5. โรคเส้นเลือดแดงที่ไปเลี้ยงไตตีบแคบ (renal artery stenosis) โรคนี้ถ้ามีภาวะเส้นเลือดแดงไปเลี้ยงไตตีบ ทำให้เลือดไปที่ไตน้อยจะมีการกระตุ้นให้มีการหลั่งฮอร์โมนบางชนิด เพื่อกระคุ้นให้เลือดไปที่ไตมากขึ้น สุดท้ายก็จะทำให้ความดันโลหิตสูง การตรวจหาโรคนี้ผมต้องไปตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ร่วมกับฉีดสีดูขนาดเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงไต สรุปผลก็ปกติ
เมื่อผลออกมาดังนี้ก็อาจจะสรุปได้ว่าผมเป็นโรคความดันโลหิตสูงชนิดที่ไม่มีสาเหตุ (ชนิดเดียวกันกับที่คนทั่วไปที่อายุมากกว่า 35 ปีเป็น) ก็ต้องกินยาลดความดันโลหิตเพิ่มมาอีกตัวตามระเบียบ