วันอาทิตย์ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

บทที่ 20 Castleman's disease

ตกลงก้อนที่มาอยู่ในท้องตั้งนานแสนนาน (อาจจะอยู่ตั้งแต่เด็กๆ) ที่ทำให้ผมใจหายใจคว่ำก็คือ Castleman's disease นั่นเอง
เท่าผู้อ่านคงงงว่ามันคืออะไร โรคนี้ไม่มีชื่อภาษาไทยอีกตามเคย แต่พูดง่ายๆก็คือก้อนที่ว่านั้นเป็นต่อมน้ำเหลืองธรรมดา เพียงแต่ว่ามันโตมากกว่าปกติที่ควรจะเป็น
ต่อมน้ำเหลืองเป็นอัวยวะเล็กๆ กระจายอยู่ตามร่างกายคนเรามีหน้าที่ในการเป็นที่อยู่และเจริญเติบโตของเม็ดเลือดขาว ซึ่งเม็ดเลือดขาวก็คือเซลล์ที่ทำหน้าที่ในการต่อสู้กับเชื้อโรคและสิ่งแปลกปลอมต่างๆ ต่อมน้ำเหลืองเปรียบเสมือนค่ายทหาร เมื่อเวลาที่มีสิ่งแปลกปลอมเข้ามาในร่างกายเรา ไม่ว่าจะเป็นเชื้อโรค หรือสารบางอย่าง ต่อมน้ำเหลืองก็จะต้องทำงานหนักเพื่อเร่งการเจริญเติบโตของเม็ดเลือดขาวเพื่อให้ไปสู้กับสิ่งแปลกปลอมต่างๆ จึงทำให้ต่อมน้ำเหลืองมีขนาดโตขึ้น ลองสังเกตดูว่าเวลาที่เราเป็นไข้เจ็บคอ ต่อมทอลซิลอักเสบนั้น เราจะคลำได้ต่อมน้ำเหลืองใต้คางว่าโตขึ้นแล้วบางทีก็เจ็บด้วยเนื่องจากบางครั้งเชื้อโรคมันบุกไปถึงต่อมน้ำเหลืองด้วย
ต่อมน้ำเหลืองที่โตแบบนี้มักจะโตไม่มาก เท่าที่เห็นมักจะไม่เกิน 2-3 เซนติเมตร ถ้ามากกว่านั้นอาจจะเกิดจากสาเหตุอื่นๆเช่น มะเร็ง
แต่ก็อยางไรก็ตามก็มีต่อมน้ำเหลืองโตอีกประเภทหนึ่ง ซึ่งไม่รู้สาเหตุว่าโตจากอะไร และมักจะโตมากด้วย Castleman's disease คือโรคในประเภทนี้
โรค Castleman's disease คือต่อมน้ำเหลืองที่โตมาก แต่ไม่รู้ว่ามีสาเหตุอะไรมากระตุ้น ต่อมนั้นจะโตได้เป็น 10 เซนติเมตรเลย (เหมือนผม) บางคนมีหลายก้อน บางคนเป็นก้อนเดียว ส่วนใหญ่ผ่าตัดแล้วก็จบ ถึงแม้ว่าจะไม่รู้สาเหตุแต่เค้าพบว่า โรค Castleman's disease นั้นสัมพันธ์กับบางโรค เช่นโรคภูมิเพี้ยน(แบบผม) โรคมะเร็ง (ส่วนใหญ่เป็นพวกมะเร็งเม็ดเลือด ) แต่บางคนก็ไม่พบว่าเป็นโรคอะไรเลย
การที่ผลก้อนในท้องของผมเป็นโรค Castleman's disease นั้นอาจจะถือว่าเป็นข่าวที่น่าจะดีก็ได้ เพราะนอกจากว่าจะไม่ใช่มะเร็งแล้ว ก็อธิบายได้ว่าโรคภูมิเพี้ยนที่ผมเป็นนั้นอาจจะเกิดจากก้อน Castleman's disease นี้ก็ได้ มันจะโตขึ้นมาแล้วตั้งหน้าตั้งตาผลิตภูมิคุ้มกันที่มันเพี้ยนๆออกมาทำให้ผมมีอาการไม่สบาย
เมื่อผลออกมาดังนี้ทำให้ความเห็นของ อาจารย์หมอแบ่งเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกบอกว่าผมไม่ต้องผ่าตัดไทมัสก็ได้เพราะสาเหตุของโรคน่าจะมาจาก Castleman's disease แต่อีกกลุ่มก็บอกว่าควรจะผ่าเหมือนเดิมเพราะเป็นการรักษาตามมาตราฐาน
ตอนนี้ผมขอไปพักฟื้นจากการผ่าตัดก่อน แล้วค่อยมาคิดกันอีกทีว่าจะทำอย่างไร

วันศุกร์ที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

บทที่ 19 ผจญปัญหาในห้องพิเศษ

กว่า 2วันที่จะได้ย้ายออกมาจาก subICU ผมดีใจมาก เหมือนได้รับอิสระเสรี ทั้งๆที่ยังไม่สามารถลุกเดินได้ก็ตาม แต่การนอนอยู่ใน subICU มันช่างน่าเบื่อและอึดอัดมาก
แรกๆผมมีอาการเป็นปกติอยู่ แต่หลังจากนั้นอีกประมาณ 1 วันผมเริ่มรู้สึกว่าเหนื่อยมากๆ เหนื่อยจนแม้แต่นั่งกับเตียงเฉยๆยังเหนื่อย
ตอนนั้นเป็นช่วงชีวิตที่ทรมานที่สุดเพราะผมต้องตั้งเตียงให้ตรง 90 อาศาเท่านั้นจึงจะพอนั่งอยู่ได้โดยไม่เหนื่อยมาก ถ้าเอนจากนี้เพียงนิดเดียวผมจะเหนื่อยทันที ปัญหาที่ตามมาคืออาการปวดหลัง ตอนนั้นการผ่าตัดที่ท้องมันทำให้ผมไม่สามารถขยับตัวได้มาก นอนตะแคงตัวก็ไม่ได้ต้องอยู่ในท่าเดียวคือท่านั่งตัวตรง น้ำหนักตอนนั้นผมก็ถือว่าเยอะมากเกือบ 100 กิโลกรัม ทำให้ผมปวดบริเวณหลังมาก แต่ก็ไม่สามารถขยับตัวได้
ช่วง 3-4 วันที่นอนในห้องพิเศษเป็นช่วงเวลาที่ผมทรมานมาก เพราะผมจะเหนื่อยมาก เหนื่อยจนนอนไม่ได้ และเจ็บหลังมาก ได้แต่พยายามขยับตัวเท่าที่จะทำได้ ขยับมากก็เหนื่อย เจ็บแผลอีก บางทีเหนื่อยมากจนให้พ่อไปตามพยาบาล พยาบาลก็เดินมาดูพร้อมกับเครื่องวัดระดับออกซิเจนที่ปลายนิ้วและบอกว่าระดับออกซิเจนผมปกติ แต่เค้าจะรายงานแพทย์ให้ แต่ผมก็ไม่เห็นมีแพทย์มาดูซักคนมีแต่นักศึกษาแพทย์ปีที่ 6 มาดูแล้วก็ไป
ตอนนั้นกลัวมากกลัวว่าตัวเองจะโดนใส่ท่อช่วยหายใจ
แต่แปลกคือพอตอนเช้าๆ อาการเหนื่อยจะดีขึ้น พอมีแพทย์มาดูอาการผมบอกว่าตอนกลางคืนเหนื่อยมากเค้าก็ไม่ค่อยสนใจ มาดูผมไม่ถึงหนึ่งนาทีก็ไป
กว่าอาการเหนื่อยจะดีขึ้นก็ปาเข้าไป หลายวันมากที่ผมพอจะนอนได้
ผมนอนอยู่ในห้องพิเศษจนครบ 7 วันก็ตัดไหมแล้วก็ได้กลับบ้าน
ลืมบอกไปว่าผลก้อนที่ท้องของผม ออกมาแล้ว ปรากฎว่าเป็น Castleman's disease