วันเสาร์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2554

บทที่ 10 การสอบที่ทรมาน (1)

และแล้ววันที่ผมจะสอบก็ก็มาถึง ผมเดินทางเข้า กทม. เพียงคนเดียวทางรถทัวร์ ก่อนหน้าจะสอบได้ 1 สัปดาห์ผมรู้สึกว่าอาการผมหนักมากเพราะบางม้ือก็กินอาหารไม่ได้เลย กลืนไม่ได้ เดินขึ้นบันไดแค่ชิั้นเดียวก็เหนื่อยเหมือนไปวิ่งมาซัก 10 กิโลเมตร และอีกอย่างคือ ตามันเห็นภาพซ้อนมากขึ้น แต่ผมก็คิดว่า ยังไม่ต้องไปสนใจมัน สอบก่อน เรื่องอื่นค่อยว่าทีหลัง วันที่ผมเดินทางเข้า กทม. ไปสอบที่ศิริราชเป็นช่วงเวลาที่ทุกข์มากที่สุดช่วงหนึ่งของชีวิต ไหนจะการสอบวุฒิบัติที่ค่อนข้างจะเครียดแล้ว ยังต้องมาทรนานกับอาการที่แสนจะประหลาดที่สุด ถึงแม้ว่าที่ผ่านมาผมจะพยายามคิดว่ามันน่าจะเกิดจากความเครียดก็ตาม แต่อาการบางอย่างมันไม่น่าจะอธิบายด้วยความเครียด
การสอบวุฒิบัติครั้งนี้เป็นการสอบที่กดดันมากๆ เดิมพันถึงชีวิตการทำงานในอนาคตเลย เพราะถ้าผมสอบไม่ผ่านจะไม่มีที่อยู่สำหรับผมเลยที่ผมพูดแบบนี้ก็เพราะว่าถ้าผมไม่ได้วุฒิบัติแล้วผมจะไม่สามารถอ่านผลทางพยาธิวิทยาได้ แล้วจะกลับไปทำงานยังไง แบบไหน ขออธิบายนิดหนึ่งครับ ปกติหมอที่จบ แพทย์ศาสตร์บัณฑิตนั้นเมื่อได้ใบประกอบวิชาชีพแล้วกฎหมายนั้นรับรองให้สามารถตรวจคนไข้ได้ สามารถจ่ายยา ผ่าตัด ทำคลอดได้หมด ดังนั้นถ้าหมอมาเรียนต่อเแพาะทางบางสาขาเช่น เป็นหมอสูตินรีเวช หรือหมอผ่าตัด ถึงแม้ว่าสุดท้ายจะสอบวุฒิบัตรไม่ผ่านก็ยังสามารถมาทำงานผ่าตัด ทำคลอดได้ เพราะแค่จบแพทย์กฎหมายก็อณุญาตไว้แล้ว เพียงแต่อาจจะมีผลในเรื่องเงินเดือนค่าตอบแทนน้อยกว่าหมอที่มีวุฒิบัติ แต่หมอพยาธินั้นถ้าผมสอบไม่ผ่าน ผมจะไม่สามารถออกผลได้เลยเพราะตามกฎแพทยสภาแล้วแพทย์ที่อ่านผลต้องได้วุฒิบัตรแล้ว ดังนั้นถ้าผมสอบไม่ผ่านผมกลับมาจะไม่มีที่อยู่สำหรับผม ดังนั้นจึงเป็นงานบังคับว่า ต้องผ่าน
ที่เล่ามาคือความกดดันที่ผมเจอ ผมรู้สึกว่าตัวเองแบกความเครียดไว้มากเหลือเกิน ผมจะสอบได้ไหม ต้องติดตามกันต่อไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น